![]() |
ภาพถ่ายผมและคณะลูกค้า ณ ลำธาร 5 สี |
“ซินเจียง” ชื่อนี้หากแปลเป็นไทยก็หมายถึง “พรมแดนใหม่” ซึ่งเป็นดินแดนที่เป็นหนึ่งในตำนานเส้นทางสายไหมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า
2,000 ปี มณฑลซินเจียงมีเมืองเอกชื่อ "อูหลู่มู่ฉี" เมืองนี้ได้จัดตั้งขึ้นเป็นเมืองครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ถัง โดยในยุคนั้นถือเป็นยุคทองทางการค้าของจีนกับประเทศทางแถบเปอร์เซีย ซึ่งผ้าไหมถือเป็นสินค้าที่มีค่าและเป็นที่ต้องการอย่างมากเนื่องจาก วิธีการเลี้ยงและการทอผ้าไหมยังเป็นความลับที่ชาวเปอร์เซียยังไม่รู้
![]() |
เส้นทางสายไหมที่เป็นตำนาน |
การเดินทางจากจีนไปยังแถบเปอร์เซียนั้นแสนยาวไกลจึงทำให้เมืองนี้เป็นจุดแวะพักของกองคาราวานเส้นทางสายไหม ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากเมืองฉางอานหรือ(ซีอาน)ในปัจจุบัน โดยมีผ้าไหม กระเบื้องลายคราม เป็นสินค้าหลักในการส่งออกไปยังแถบเปอร์เซียและได้ส่งไปไกลถึงแถบยุโรป จากชื่อเสียงและความงามของผ้าไหมจีนที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง ส่งผลให้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักในการแลกเปลี่ยนสินค้าที่ถูกขนานนามว่า “เส้นทางสายไหม...”
![]() |
ลูกค้าในคณะกำลัง ช๊อปปิ้งผ้าไหมที่ตลาดต้าปาจ้า |
แม้ว่าดินแดนแห่งนี้แต่เดิมเป็นถิ่นฐานของชาวอุยกูร์ที่มีเชื้อสายตุรกี โดยมีการสู้รบแย่งชิงการครอบครองแผ่นดินผืนนี้กับชาวจีนเชื้อสายฮั่นมานานกว่า 2,000 ปี จนท้ายที่สุดแล้ว ซินเจียงได้ถูกจีนผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงและได้ตกอยู่ในการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน
![]() |
ผมได้ถ่ายภาพกับคุณลุงชาวอุยกูร์ |
สภาพภูมิอากาศของซินเจียงแบ่งออกเป็น 4 ฤดู คือฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และ ฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 12.7 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนประมาณ 3.4 นิ้วต่อปี ช่วงฤดูหนาวนั้นมีอากาศที่หนาวจัดในเดือนมกราคมบางพื้นที่อุณหภูมิติด ลบกว่า -40 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนช่วงเดือนกรกฎาคมบางพื้นที่ก็ร้อนจัด เมืองถูหลู่ฟ่านเคยร้อนสูงสุดถึง 48 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่ซินเจียงในเวลากลางวันและกลางคืนนั้นมีความแตกต่างกันมาก กลางวันร้อนกลางคืนหนาวซึ่งมาเที่ยวที่นี่จึงควรพกเสื้อหนาวติดตัวเอาไว้เป็นดีที่สุด
![]() |
ทิวทัศน์ของทุ่งหญ้าบริเวณคานาสือ |
ฤดูร้อน
ช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ฤดูร้อนที่นี่ค่อนข้างสั้นเพียง 62 วัน อากาศจะร้อนจัดที่เมืองถู่ลู่ฟาน อุณหภูมิเฉลี่ยของหน้าร้อนอยู่ที่ประมาณ 23 องศาเซลเซียส
![]() |
แสงแดดที่สาดส่องในฤดูร้อน |
ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ปลายกันยายน ช่วงนี้ถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเนื่องจากอากาศเย็นสบายมีทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีและไม่ค่อยมีฝนตกอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส
![]() |
ทะเลสาปเทวดา ในอุทยานคานาสือ |
ฤดูหนาว
ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน-เมษายนและกินเวลากว่า 150 วัน โดยมีอุณหภูมิสูงเฉลี่ยประมาณ-10 องศาเซลเซียส โดยทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลนเป็นฤดูที่เหมาะแก่การเล่นสกี
![]() |
ทิวทัศน์รอบทะเลสาปคานัสปกคลุมไปด้วยหิมะ |
ฤดูใบไม้ผลิ
ช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่กลางเดือนเมษายน-มิถุนายน เป็นอีกช่วงหนึ่งที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว ช่วงนี้จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 17 องศาเซลเซียสและอาจมีฝนตกเล็กน้อย
![]() |
ทิวทัศน์ป่าสนเขียวชอุ่มรอบทะเลสาปวงพระจันทร์ |
ภูมิประเทศของมณฑลซินเจียงอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน มีพรมแดนติดต่อประเทศมองโกเลีย คาซัคสถาน คีร์กีซ สถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน
จึงทำให้ที่เมืองนี้มีชนเผ่าต่างๆ อยู่รวมกันถึง 47 เผ่า
โดยแบ่งเป็นชาวจีนเชื้อสายอุยกูร์ (ชาวมุสลิมเชื้อสายตุรกี) ประมาณ 46% รองลงมาเป็นชาวจีนเชื้อสายฮั่น 40% และที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ประชากรส่วนใหญ่ของซินเจียงกว่า 70% นับถือศาสนาอิสลามจึงทำให้ป้ายตามสถานที่ต่างๆของที่นี่มีสองภาษาควบคู่กัน คือ ภาษาเว่ยอู๋เออร์ และภาษาจีนกลาง
![]() |
โชว์ระบำซินเจียง การแสดงที่ถ่ายทอดถึงการแต่งกาย ของชนเผ่าต่างๆในซินเจียง |
โดยแบ่งเป็นชาวจีนเชื้อสายอุยกูร์ (ชาวมุสลิมเชื้อสายตุรกี) ประมาณ 46% รองลงมาเป็นชาวจีนเชื้อสายฮั่น 40% และที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ ประชากรส่วนใหญ่ของซินเจียงกว่า 70% นับถือศาสนาอิสลามจึงทำให้ป้ายตามสถานที่ต่างๆของที่นี่มีสองภาษาควบคู่กัน คือ ภาษาเว่ยอู๋เออร์ และภาษาจีนกลาง
![]() |
แผนที่ตั้งของมณฑลซินเจียง |
มณฑลซินเจียงมีเนื้อที่ประมาณ 1/6 ของพื้นที่ประเทศจีนและใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 3 เท่า นับเป็นเขตปกครองที่ใหญ่ที่สุดของจีนมี "นครอูหลู่มู่ฉี" เป็นเมืองเอก ซึ่งแต่เดิมดินแดนบริเวณ "นครอูหลู่มู่ฉี" เป็นเพียงทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์อันกว้างใหญ่ไพศาล นับเป็นเมืองใหญ่ระดับเมืองหลวงที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งทะเลมากที่สุดในโลกหรือกว่า 2,250 กิโลเมตร
![]() |
สภาพภูมิประเทศของมณฑลซินเจียง |
พื้นที่ของซินเจียงส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง พื้นที่กว่า 20% เป็นทะเลทราย คือ ทะเลทรายโกบี ที่อยู่ทางตะวันออก
และทะเลทรายทากลามากัล ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็นทะเลทรายที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากทะเลทรายซาฮาร่า
![]() |
ทะเลทรายทากลามากัล |
ส่วนพื้นที่ทางตอนเหนือเป็นภูเขาสูงและมีหิมะปกคลุมบริเวณยอดเขาตลอดทั้งปีจึงทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวในช่วงเข้าที่เข้าสู่ฤดูร้อนหิมะบนยอดเขาจะละลายเป็นลำธารน้ำไหลผ่านโขดหินตกสู่หน้าผาสูงลงมายังพื้นที่ด้านล่างก่อนกลายมาเป็นทะเลสาบผืนใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์สำหรับชนเผ่ากลุ่มต่างๆไว้ใช้ในการเลี้ยงสัตว์
![]() |
เหม๋ยนู่หยัง แปลเป็นไทยว่า แกะสาวสวย เป็นแกะที่มีสะโพก ใหญ่คล้ายหญิงสาว เป็นแกะที่มีเนื้อที่นุ่มไม่ค่อยมีกลิ่นสาป |
แม้ว่าซินเจียงนับเป็นเมืองที่ค่อนข้างแห้งแล้งมีฝนตกน้อย แต่เป็นที่น่าแปลกที่ดินแดนแห่งนี้สามารถทำปศุสัตว์และเกษตรกรรมได้ในระดับแนวหน้าของจีน การเลี้ยงสัตว์ที่มีคุณภาพและมีชื่อเสียง เช่น แพะ แกะ ม้า วัวและอูฐ
![]() |
ฝูงวัวของชาวบ้านที่ปล่อยให้หากินหญ้าตามข้างทาง |
ส่วนการเกษตรที่มีชื่อเสียงได้ผลผลิตมากและสามารถส่งออกไปยังมณฑลต่างๆทั่วประเทศจีนได้ เช่น การทำไร่ฝ้าย ข้าวสาลี สาลี่หอม แคนตาลูปที่ขึ้นชื่อว่าหวานและอร่อยที่สุดในโลก
![]() |
แคนตาลูปที่ขึ้นชื่อลูกใหญ่และมีรสหวานอร่อยมากๆ |
![]() |
ไร่องุ่นที่ปลูกกันมากในเมืองถูหลู่ฟ่าน |
แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของซินเจียงจะเป็นที่ราบสูง ทะเลทรายและที่ราบกึ่งทะลเทรายที่ค่อนข้างแห้งแล้งกันดาร แต่ใต้ผืนทะเลทรายและที่ราบสูงที่แห้งแล้งนั้นยังมีทรัพยากรธรรมชาติมูลค่ามหาศาลซ่อนเอาไว้อยู่ เช่น บริเวณเทือกเขาอัลไตเป็นแหล่งเหมืองทองคำ
![]() |
อุทยานเคอเค่อทัวไห่ บริเวณหุบเขาอัลไต อดีตเหมือง ทองคำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน |
บริเวณเทือกเขาคุนหลุนเป็นแหล่งหยกขาว นอกจากนี้มีการขุดพบแหล่งพลังงานทั้งบ่อน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน มากว่า 30 ปีโดยพบมากที่เมืองคาร์ลามาร์ ซึ่งมีความหมายว่า "เมืองแห่งน้ำมันดำ" ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของซินเจียง เป็นแหล่งน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน โดยระหว่างทางที่ผ่านเมืองนี้ท่านจะเห็นแท่นขุดเจาะน้ำมันจำนวนมากมายซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้กว่า 6.5 ล้านตันต่อปี
![]() |
บ่อน้ำมันเมืองคาร์ลามาร์ |
เนื่องด้วยซินเจียงมีแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ จึงทำให้มณฑลซินเจียง โดยเฉพาะเมืองเอกอย่าง "อูหลู่มู่ฉี" ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว นักลงทุนทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติต่างเดินทางมาลงทุนที่นี่ จึงส่งผลให้ในปัจจุบันในเมืองมีตึกสูง โรงแรม ห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย
![]() |
บรรยากาศของเมืองเอก "อูหลู่มู่ฉี" |
ส่วนจุดไฮไลท์ “คานาสือ” นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ทางภาคเหนือของซินเจียงใกลักับชายแดนมองโกเลียและรัสเซีย ซึ่งการเดินทางจากนครอูหลู่มู่ฉีมายังคานาสือระหว่างทางท่านจะได้พบกับทิวทัศน์ที่งดงามทางธรรมชาติหลากหลายบรรยากาศทั้ง ทะเลทรายกว้างใหญ่ ทุ่งหญ้าที่เขียวขจีสุดสายตา และทะเลสาปที่มีน้ำใสดุจกระจก
![]() |
วิวสวยๆระหว่างเดินทางไปอุทยานคานาสือ |
จากที่ได้ผมกล่าวมาข้างต้นนั้นคงทำให้ใครหลายคนสนใจร่วมตามรอยประวัติ ศาสตร์หลายหลากอารยธรรมโบราณกว่า
2 พันปี จนกลายมาเป็นตำนานที่โลกได้จารึกในนาม "เส้นทางสายไหม" เส้นทางที่เต็มไปด้วยมนต์เสห่น์
ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่งดงามเกินคำบรรยาย
![]() |
ภาพถ่ายที่อุทยานคานาสือ |
ประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดแสนประทับใจกับดินแดนบริสุทธิ์ผืนสุดท้ายของมวลมนุษย์ที่ครังหนึ่งของชีวิตคุณ....ไม่ควรพลาด!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น