สคู๊ปมีทวี พาเที่ยวในตอนนี้จะพาท่านไปเที่ยวชม “ถ้ำผาหลงเหมิน” หรือ “ถ้ำผาประตูมังกร”
เพื่อชมความอลังกาลกับประติมากรรมทางพระพุทธศาสนาที่ใช้เวลาในการสร้างนานกว่า 600 ปี
|
ประตูทางเข้าใหญ่ |
ถ้ำผาหลงเหมิน หรือ ถ้ำที่คนจีนรู้จักกันในนาม “หลงเหมินฉือคู”
เป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาบนดินแดนมังกรในอดีตได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโบราณสถานที่สำคัญแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกอีกด้วย
|
ทางเดินสู่ถ้ำหลงเหมิน |
|
หินลายดอกโบตั๋น |
ถ้ำหลงเหมิน
เป็นกลุ่มถ้ำแกะสลักบนหน้าผาหิน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ห่างจากเมืองลั่วหยาง
มณฑลเหอหนาน ประมาณ 12 กิโลเมตร
|
แผนผังของถ้ำหินแกะสลัก |
ถ้ำผาหลงเหมิน ถูกจัดเป็น 1 ใน 3 ปฏิมากรรมพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาที่มีชื่อเสียงที่สุดในจีน ส่วนพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาอีก 2 ถ้ำนั้นประกอบด้วย ถ้ำผาม่อเกาคู ที่เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ และถ้ำผาหยุนกัง ที่เมืองต้าถง มณฑลฉ่านซี
|
ถ้ำผาม่อเกาคู เมืองตุนหวง > 1 ใน 3 ถ้ำพระแกะสลักชื่อดังของจีน |
|
ถ้ำผาหยุนกัง เมืองต้าถง > 1 ใน 3 ถ้ำพระแกะสลักชื่อดังของจีน |
ถ้ำผาหลงเหมินนั้นประกอบด้วยหมู่ถ้ำเกือบ 2,500 ถ้ำ
เรียงรายยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร วางตัวขนานไปตามแนวแม่น้ำอี้ที่ไหลผ่านหุบเขาที่มีความสูงชัน
|
ถ้ำแกะสลักใหญ่น้อยมากมายตลอดทาง |
|
ถ้าที่แกะสลักต่อเนื่องกันมากว่า 600 ปี |
ประวัติศาสตร์จีนได้จารึกไว้ว่า “ถ้ำผาหลงเหมิน” ได้ถูกเริ่มสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 5 ประมาณปี ค.ศ.
494 ตรงกับสมัยราชวงศ์เว่ย
ที่ได้ย้ายเมืองหลวงเก่าจาก “เมืองต้าถง” มาตั้งราชธานีใหม่ ณ “เมืองลั่วหยาง”
|
บันไดไม้ขึ้นชมหมู่ถ้ำน้อยใหญ่ |
|
หลายถ้ำองค์พระแกะสลักถูกทำลายหลงเหลือเพียงถ้ำเปล่า |
“ถ้ำผาหลงเหมิน” มีประวัติการสร้างที่ยาวนานเริ่มจากราชวงศ์เว่ย และด้วยแรงศรัทธาของฮ่องเต้องค์ต่อๆมาที่มีต่อพระพุทธศาสนาจึงมีดำริให้แกะสลักพระพุทธรูปบนหน้าผาต่อกันเรื่อยมาในยุคราชวงศ์สุ่ย
และราชวงศ์โจวของพระนางบูเช็กเทียน
|
คุณเบิร์ดถ่ายรูปคู่กับบัดดี้ |
|
ไต่บันได้ขึ้นชมองค์พระประธาน |
“บูเช็กเทียน หรือ อู่เหม่ยเหนียง”
ชื่อนี้คงคุ้นหูของใครต่อหลายคน เพราะพระนางถูกจัดให้เป็นจักรพรรดินีองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีนนั่นเอง
|
ภาพองค์พระประธานกับพระสาวก |
เรื่องราวประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของจากจักรพรรดินีที่ไต่เต้ามาจากตำแหน่งสนมขณะอายุ 14 ปี ในรัชสมัยฮองเต้ถังไท่จงจนกระทั่งได้กว้าขึ้นมากุมอำนาจสูงสุดบนผืนแผ่นดินมังกรด้วยวัย 67 ปีในรัชสมัยฮองเต้ถังเกาจง
|
พระโพธิสัตว์ไวโรจนะ |
เมื่อพระนางบูเช็กเทียนได้ขึ้นสู่บัลลังก์มังกรแล้ว ทรงประกาศเปลี่ยนราชวงศ์ถังเป็นราชวงศ์โจวและย้ายเมืองหลวงจากเมืองฉางอานมาสู่ เมืองลั่วหยาง ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ได้ครองอำนาจนั้นทรงสร้างคุณงามความดีให้กับแผ่นดินจีนมากมาย โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบโครงสร้างการปกครองท้องถิ่น ทำให้บ้านเมืองในยุคนั้นเจริญก้าวหน้าราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข
|
พระแกะสลักองค์ใหญ่ด้านข้างพระประธาน |
ด้วยแรงศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระนางได้ทรงสานต่อภารกิจแกะสลักพระพุทธรูปในถ้ำหลงเหมินจากฮ่องเต้องค์ก่อนหน้าจนกลายมาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ฝากไว้คู่เมืองลั่วหยางจวบจนปัจจุบัน
|
พระแกะสลักองค์ใหญ่ด้านข้างพระประธาน |
|
วิวสวยๆจากมุมด้านบนเขา |
ซึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวชมถ้ำหลงเหมิน คือ การถ่ายรูปคู่กับ
“พระโพธิสัตว์ไวโรจนะ” พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของถ้ำหลงเหมินที่มีความสูง 17.14 เมตร เฉพาะเศียรสูง 4 เมตร ใบหูยาว 1.9 เมตรที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาสูง 40 เมตร
|
ขึ้นบันไดและระเบียงไม้ชมพระแกะสลักตามหน้าผา |
|
ขึ้นบันไดและระเบียงไม้ชมพระแกะสลักตามหน้าผา |
โดยพระประธานองค์นี้พระนางบูเช็กเทียนสั่งให้ช่างแกะสลักสร้างขึ้นมา โดยองค์พระมีพระวรกายอิ่มเอิบ พระพักตร์ก้มต่ำเล็กน้อยคล้ายกำลังเข้าสู่สมาธิขั้นสูง ริมฝีปากแสดงถึงความเมตตากรุณา
|
ใบหน้าของพระแกะสลักได้รับความเสียหาย |
ใบหน้าของพระแกะสลักได้รับความเสียหาย
ในส่วนดวงตาขององค์พระประธานที่มองเหลือบลงหลายคนสังเกตุว่าไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนก็เหมือนองค์พระกำลังมองดูเราซึ่งถือเป็นงานแกะสลักชุดสุดท้ายของถ้ำประวัติศาสตร์แห่งนี้
|
ลูกกรงป้องกันการขโมยพระพุทธรูปแกะสลัก |
|
วิวสวยๆตรงข้ามหุบเขา |
นักประวัติศาสตร์จีนต่างลงความเห็นว่าการที่รูปแกะสลักของ
“พระโพธิสัตว์ไวโรจนะ” นั้นมีพระพักตร์คล้ายสตรีนั้นเป็นเพราะพระนางสั่งให้ช่างแกะสลักพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์นี้ตามพระพักตร์ของพระนางนั่นเอง
|
บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนตุลาคม |
|
บรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีช่วงเดือนตุลาคม |
ในสคู๊ปมีทวี พาเที่ยวตอนหน้าจะพาท่านไปสักการะเจ้าพ่อกวนอู ณ
วัดกวนหลิน วัดเก่าศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสุสานฝังศีรษะของแม่ทัพกวนอู ในสมัยสามก๊ก ร่วมเดินทางไปสักการะพร้อมกับเราได้ในมีทวี
พาทัวร์ตอนหน้าคับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น