สคู๊ปมีทวี พาเที่ยวในตอนนี้จะพาท่านไปเที่ยวชมฟาร์มวาซาบิ ไดโอะ (Daio wasabi
farm) ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองอะซุมิโนะใกล้กับเมืองมัตสึโมโตะ โดยฟาร์มแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
|
ฟาร์มวาซาบิ ไดโอะ |
วาซาบิ เป็นพืชในตระกูลกระหล่ำและยังเป็นพืชสมุนไพรยอดนิยมของคนญี่ปุ่น
ซึ่งกล่าวได้ว่า ”คนไทยติดพริกฉันใด
คนญี่ปุ่นก็ติดวาซาบิฉันนั้น” วาซาบิถือเป็นเครื่องปรุงยอดฮิตที่ขาดไม่ได้เมื่อได้ทานเมนูปลาดิบ,ข้าวปั้น
หรือแม้แต่โซบะเย็น
|
แผนผังฟาร์มวาซาบิ |
|
ร้านค้าในฟาร์ม |
ทำไมคนญี่ปุ่นนิยมทาน “วาซาบิ” ??
คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการทานวาซาบิมานานหลายศตวรรษ
เพราะพวกเขาเชื่อว่าการทานวาซาบิเป็นประจำนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพและยังช่วยต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้เป็นอย่างดี
|
ต้องลองสักคำ |
“วาซาบิ” มีสรรพคุณอย่างไร??
ชาวญี่ปุ่นได้ศึกษาวิจัยและค้นพบว่าคุณสมบัติเด่นของ
“วาซาบิ” มีดังต่อไปนี้
• ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งชนิดต่าง
ๆ
• ช่วยป้องกันเลือดแข็งตัว
• ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในการกำจัดเซลล์ที่เริ่มผิดปกติ
• ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย
และเชื้อราที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ
• ช่วยป้องกันฝันผุ
|
วาซาบิสด |
วิธีการทำวาซาบิ??
เพียงนำเอาหัววาซาบิที่ล้างสะอาดไปฝนกับเครื่องฝนชนิดพิเศษที่เรียกว่า
“เหงือกฉลาม” (Wasabi
Oroshi) ที่มีปุ่มเล็กๆ ฝนจนได้วาซาบิที่ละเอียด
หลังจากนั้นก็นำไปทานคู่กันปลาดิบ หรือ ข้าวปั้น จะทำให้อาหารได้รสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น
|
"เหงือกฉลาม" ไว้ฝนวาซาบิ |
|
บรรยากาศภายในฟาร์ม |
ฟาร์มวาซาบิ ไดโอะ เป็นฟาร์มวาซาบิชื่อดังที่ปลูกในแหล่งน้ำบริสุทธิ์ที่ละลายมาจากหิมะบนเทือกเขาทาเทยาม่า จึงทำให้ได้วาซาบิปลูกได้เป็นวาซาบิที่มีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการของตลาด
|
2 หนุ่มกับแปลงวาซาบิ |
|
แดดแรงก็ต้องคลุมสแลนบังแดด |
วิธีการปลูกวาซาบิ??
แท้จริงนั้น “วาซาบิ” สามารถปลูกได้ 2 วิธี คือ
บนดินและในน้ำ
ซึ่งวิธีการปลูกในน้ำนั้นจะให้ผลผลิตและรสชาติของวาซาบิที่ดีกว่ากล่าวคือรสชาติจะใกล้เคียงกับวาซาบิที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในหุบเขา
|
วาซาบิต้องการน้ำไหลผ่านตลอด |
|
วาซาบิแตกยอดออกดอก |
ที่ฟาร์ม “วาซาบิไดโอะ” แห่งนี้ก็ใช้วิธีการปลูกแบบน้ำ
ซึ่งต้องอาศัยน้ำบริสุทธิ์ไหลผ่านตลอดแช่ขังไม่ได้เลยและอุณหภูมิของน้ำก็ต้องเย็นอีกด้วย
|
ดอกซากุระบานสะพรั่งในฟาร์มว่าซาบิ |
|
คุณแสงดาวกับคุณแม่ |
|
เสาโทเรอิ |
|
ศาลเจ้าภายในฟาร์ม |
เนื่องด้วยวาซาบิเป็นพืชที่เติบโตช้าซึ่งต้องใช้เวลา 1 ปีขึ้นไปถึงจะเก็บผลผลิตได้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยด้านความชื้น แสงแดดและเชื้อโรคที่มาจากน้ำก็สามารถทำให้วาซาบิติดเชื้อและตายได้ยกฟาร์มเช่นกัน
|
แปลงวาซาบิที่ปลูกเป็นแนวยาวตามลำคลอง |
|
วาซาบิวัยอนุบาล |
|
คนสวนเกลี่ยหินเพื่อไม่ให้น้ำขัง |
|
ร้านอาหารในฟาร์ม |
จากข้อจำกัดหลายด้านของการปลูกวาซาบิ จึงทำให้“วาซาบิ” จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกได้ยากและมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 5,000 บาทเลยทีเดียว
|
โซบะเย็นพร้อมซอสโชยุวาซาบิ |
|
เทมปุระวาซาบิ |
|
แดดเริ่มส่องแรง เจ้าหน้าที่ต้องเริ่มคลุมสแลนบังแดด |
ด้วยเหตุที่วาซาบิมีราคาแพง จึงมีร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนน้อยเสิร์ฟวาซาบิของแท้ให้กับลูกค้า วาซาบิส่วนใหญ่ที่เราได้ทานกันตามร้านอาหารนั้นจึงทำมาจากพืชจำพวกมัสตาดที่มีรสคล้ายวาซาบิเท่านั้น
|
ไอศครีมวาซาบิ |
|
แท่งนี้ 300 เยนคับ...สุโค้ย |
หลังจากที่คณะเราได้เดินชมฟาร์มไดโอะกันเป็นที่เรียบร้อย คณะเราก็ไม่พลาดชิมไอศครีม Soft Cream รสวาซาบิชื่อดังของที่นี่และรองท้องด้วยเมนูอาหารที่มีวาซาบิเป็นส่วนประกอบก่อนเดินทางต่อไปยังปราสาทมัทซูโมโต
|
เมนูอาหารในฟาร์ม |
|
ช๊อปปิ้งก่อนกลับ |
|
ขนมต่างๆที่มีส่วนผสมของวาซาบิ |
|
วาซาบิหลอด แฟนพันธูุแท้ไม่ควรพลาด |
และที่ขาดไม่ได้สำหรับแฟนพันธุ์แท้ที่ชื่นชอบการทานปลาดิบ คือ
การแวะช๊อปวาซาบิแท้บรรจุเป็นหลอดพร้อมทานขนาด 80 กรัมราคาหลอดละ 1,000 เยนไว้เป็นของฝากคนทางบ้านคับ
|
กินพร้อมปลาดิบ...สุโค้ย |
|
ด้านนอกฟาร์มมองไปเห็นเทือกเขา Japan Alps |
ปิดท้ายที่บรรยากาศสวยๆของทิวทัศน์รอบฟาร์มวาซาบิไดโอะที่งดงามสามารถมองเห็นถึงหุบเขาทาเทยาม่าได้เด่นชัดแต่ไกล...
โปรโมชั่นสุด Hot เถ้าแก่ลืมบวกกำไร...1 ปีมีหนเดียว!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น